ในซีซั่นที่ 12 ของ CSI: Crime Scene Investigation ทีม CSI ต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ภายใต้การนำทีมของ DB Russell (รับบทโดย Ted Danson) หลังจากที่แคทเธอรีน วิลโลว์ส (รับบทโดย Marg Helgenberger) และนิค สโตกส์ (รับบทโดย George Eads) ถูกลดตำแหน่ง ทำให้ทั้งสองต้องปรับตัวเข้ากับบทบาทใหม่ ขณะเดียวกัน มอร์แกน โบรดี้ (รับบทโดย Elisabeth Harnois) เข้าร่วมทีมในซีซั่นนี้ และช่วยทีมไขคดีครั้งแรกในตอน “73 Seconds”
ตลอดซีซั่น ทีม CSI ต้องจัดการกับคดีที่ซับซ้อนและหลากหลาย ตั้งแต่คดีฆาตกรรมครอบครัว (“Tell Tale Hearts”) การจมน้ำในช็อกโกแลต (“Bittersweet”) ไปจนถึงคดีลึกลับในพิพิธภัณฑ์มาเฟีย (“Maid Men”) และคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในงานแต่งงาน (“Malice in Wonderland”)
DB Russell นอกจากต้องดูแลทีมงานแล้วยังต้องรับมือกับปัญหาครอบครัว (“Brain Doe”) ขณะที่ มอร์แกน พบตัวเองต้องรับมือกับสถานการณ์ถูกจี้ระหว่างเที่ยวบิน (“CSI Down”) ส่วน Doc Robbins ต้องเผชิญกับการสืบสวนที่ภรรยาของเขามีส่วนเกี่ยวข้อง (“Genetic Disorder”)
ในช่วงครึ่งหลังของซีซั่น แคทเธอรีน ร่วมมือกับ FBI ในภารกิจสำคัญ (“Ms. Willows Regrets”) ก่อนที่จะเผชิญการตัดสินใจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ (“Willows in the Wind”) การเปลี่ยนแปลงนี้นำมาซึ่งการเข้าร่วมของ จูลี่ ฟินเลย์ (รับบทโดย Elisabeth Shue) นักสืบใหม่ที่ต้องปรับตัวและรับมือกับคดีที่ท้าทาย
ตอนจบของซีซั่น (“Homecoming”) เต็มไปด้วยความตึงเครียด เมื่อความสัมพันธ์เก่าระหว่าง ฟินน์ และ DB Russell ถูกเปิดเผย นิครู้สึกผิดหวังและลาออกจากทีม และแล็บอาชญากรรมต้องถูกควบคุมโดยหน่วยงานภายนอก
CSI Season 12 ยังคงมอบความตื่นเต้นและการสืบสวนคดีที่ชวนติดตาม พร้อมกับการพัฒนาตัวละครและเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น