ซีรี่ย์ฝรั่ง ซีรี่ย์ฝรั่ง จบแล้ว ซีรี่ย์ฝรั่ง ซับไทย
เป็นซีรีย์แฟนตาซี-คอมเมดี้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ Neil Gaiman และ Terry Pratchett ซีรีย์นี้เล่าถึง แอซราเฟล (Aziraphale) ทูตสวรรค์ผู้รักความสงบ และ คราวลีย์ (Crowley) ปีศาจผู้มีไหวพริบ ที่ต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้ง “วันสิ้นโลก” ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เนื้อหาสำคัญในซีรีย์
ใน Good Omens Season 1 แอซราเฟล (Michael Sheen) และคราวลีย์ (David Tennant) อาศัยอยู่บนโลกมาหลายพันปี ทั้งสองใช้ชีวิตท่ามกลางมนุษย์และผูกพันกับโลกนี้มากจนไม่ต้องการให้แผน “อาร์มาเก็ดดอน” ของสวรรค์และนรกเกิดขึ้น
วันหนึ่ง, พวกเขาค้นพบว่า “แอนตี้ไครสต์” เด็กผู้ถูกกำหนดให้ทำลายโลก ได้ถูกสลับตัวผิดตั้งแต่เกิด ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครจริง ๆ พวกเขาต้องออกตามหาเด็กคนนั้นให้ทันเวลาก่อนที่วันสิ้นโลกจะมาถึง
ในระหว่างนั้น ตัวละครอื่น ๆ เช่น แม่มด อนาธีมา ดีไวซ์ (Anathema Device) และ นักล่าแม่มด นิวท์ พัลซิเฟอร์ (Newt Pulsifer) ก็เข้ามามีบทบาทในการไขปริศนาเกี่ยวกับพยากรณ์โบราณ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการหยุดวันโลกาวินาศ
การพัฒนาตัวละคร
แอซราเฟล : ทูตสวรรค์ผู้รักมนุษย์และโลก เขาชอบทานอาหารอร่อย ๆ และหลงใหลในหนังสือหายาก แม้จะเป็นฝ่ายสวรรค์ แต่เขากลับรู้สึกไม่สบายใจกับแผนของพระเจ้า
คราวลีย์ : ปีศาจที่แตกต่างจากปีศาจทั่วไป เขารักรถยนต์, ฟังเพลงร็อก, และแม้จะทำงานให้ฝั่งนรก แต่เขาก็ไม่ต้องการให้โลกถูกทำลาย
แอนตี้ไครสต์ : เด็กที่เติบโตขึ้นมาแบบธรรมดา ๆ ไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีพลังพิเศษที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
อนาธีมา ดีไวซ์ : ทายาทของนักพยากรณ์โบราณ เธอมีหนังสือที่บอกเหตุการณ์ล่วงหน้าทุกอย่าง และต้องหาทางใช้มันให้เป็นประโยชน์
นิวท์ พัลซิเฟอร์ : นักล่าแม่มดที่ไม่เก่งอะไรเลย แต่กลับถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับแผนยับยั้งวันสิ้นโลก
ธีมหลักของซีรีย์
การร่วมมือระหว่าง “ความดี” และ “ความชั่ว” : แอซราเฟลและคราวลีย์เป็นศัตรูที่กลับกลายเป็นเพื่อน และร่วมมือกันเพื่อหยุดอาร์มาเก็ดดอน
อารมณ์ขันที่แฝงปรัชญา : ซีรีย์เต็มไปด้วยมุกตลกแบบอังกฤษ พร้อมกับการตั้งคำถามเกี่ยวกับโชคชะตาและอิสระในการเลือก
การตั้งคำถามต่อแผนของพระเจ้าและปีศาจ : ซีรีย์นี้สำรวจว่าอะไรคือ “ความดี” และ “ความชั่ว” ในมุมที่แตกต่างจากทั่วไป
ทิศทางและอารมณ์ของซีรีย์
Good Omens ผสมผสานแฟนตาซีเข้ากับคอมเมดี้ได้อย่างลงตัว การแสดงของ Michael Sheen และ David Tennant มีเคมีที่เข้ากัน ทำให้การดูเรื่องนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ขันที่เป็นธรรมชาติ ตัวซีรีย์มีบรรยากาศที่สดใสแต่แฝงความหมายลึกซึ้ง และใช้ดนตรีประกอบที่เข้ากับฉากได้เป็นอย่างดี
