ใน Snowpiercer Season 2, ความขัดแย้งระหว่างชนชั้นและการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในโลกที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งทวีความเข้มข้น เมื่อ บิ๊กอลิซ รถไฟยักษ์ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรและเทคโนโลยีล้ำสมัย ปรากฏตัวและเชื่อมต่อกับ สโนว์เพียร์ซเซอร์ การมาถึงของ มิสเตอร์วิลฟอร์ด (รับบทโดย Sean Bean), อัจฉริยะผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างรถไฟทั้งสองขบวน เปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจที่ เลย์ตัน (รับบทโดย Daveed Diggs) และพรรคพวกผู้โดยสารชั้นล่างพยายามรักษาไว้
เลย์ตัน ผู้นำการปฏิวัติ ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ เมื่อวิลฟอร์ดเข้ายึดอำนาจและพยายามควบคุมสโนว์เพียร์ซเซอร์ผ่านการใช้ทรัพยากรและกลอุบาย เขาต้องรวบรวมพลังจากผู้โดยสารทุกชนชั้นเพื่อปกป้องอิสระและความยุติธรรมที่พวกเขาต่อสู้มาอย่างยากลำบาก
ในอีกด้านหนึ่ง เมลานี คาวิลล์ (รับบทโดย Jennifer Connelly) อดีตผู้ควบคุมรถไฟ ต้องต่อสู้กับศัตรูที่ทรงพลังที่สุดในชีวิตของเธอ ไม่เพียงแค่วิลฟอร์ดที่เต็มไปด้วยอำนาจและเล่ห์กล แต่เธอยังต้องเผชิญหน้ากับปมในอดีตของเธอเอง เมลานีได้กลับมาพบกับ อเล็กซ์ ลูกสาวที่เธอเชื่อว่าสูญเสียไปแล้ว แต่การพบกันครั้งนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความซับซ้อนทางอารมณ์
นอกจากการต่อสู้ภายในรถไฟ ทั้งเลย์ตันและเมลานียังต้องวางแผนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก เมื่อมีสัญญาณบ่งบอกว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นอาจเริ่มเปลี่ยนแปลง และอาจนำพาความหวังใหม่มาสู่มนุษยชาติ
ประเด็นสำคัญในซีซั่น 2:
การแย่งชิงอำนาจระหว่างเลย์ตันและวิลฟอร์ด:
การต่อสู้เชิงกลยุทธ์เพื่อควบคุมสโนว์เพียร์ซเซอร์เป็นจุดเด่นหลักในซีซั่นนี้
ความสัมพันธ์แม่-ลูกของเมลานีและอเล็กซ์:
เมลานีต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งทางอารมณ์เมื่อพบว่าลูกสาวของเธอถูกวิลฟอร์ดเลี้ยงดูและปลูกฝังความเกลียดชังต่อเธอ
ความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม:
สัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกทำให้เกิดความหวังว่ามนุษย์อาจจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตบนพื้นโลกได้
ความขัดแย้งระหว่างชนชั้น:
ความตึงเครียดระหว่างชนชั้นผู้โดยสารยังคงเป็นประเด็นหลัก โดยเฉพาะเมื่อทรัพยากรถูกควบคุมโดยบิ๊กอลิซ