ซีซั่นที่ 2 ของ True Blood ยังคงเล่าเรื่องราวเข้มข้นและเต็มไปด้วยความลี้ลับ ระทึกขวัญ ผสมผสานดราม่าแฟนตาซีอย่างลงตัว โดยในซีซั่นนี้ ความขัดแย้งระหว่าง มนุษย์, แวมไพร์ และ สิ่งเหนือธรรมชาติอื่น ๆ ได้ทวีความรุนแรงขึ้น พร้อมกับภัยคุกคามใหม่ที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายในเมือง บอน แทมป์ส
ซูกี้ สแต็คเฮาส์ (รับบทโดย Anna Paquin) ต้องรับมือกับพลังเหนือธรรมชาติครั้งใหม่เมื่อเมืองถูกปั่นป่วนจากการมาถึงของ แมรี่แอนน์ ฟอร์เรสเตอร์ (รับบทโดย Michelle Forbes) หญิงลึกลับผู้กุมความลับอันดำมืดและมีแผนการบางอย่างที่ทำให้ผู้คนในเมืองตกอยู่ภายใต้พลังควบคุมของเธอ
ในขณะเดียวกัน บิล คอมป์ตัน (รับบทโดย Stephen Moyer) และ เอริค นอร์ธแมน (รับบทโดย Alexander Skarsgård) แวมไพร์ทรงอิทธิพล ต้องร่วมมือกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามใหม่ที่อาจทำลายความสมดุลระหว่างมนุษย์และแวมไพร์ นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างซูกี้และบิลก็ถูกทดสอบอย่างหนักหน่วง จากทั้งอันตรายที่รายล้อมและความลับที่บิลเก็บซ่อนไว้
ทาร่า ธอร์นตัน (รับบทโดย Rutina Wesley) เพื่อนสนิทของซูกี้ ต้องเผชิญกับความลุ่มหลงและการถูกชักจูงโดยแมรี่แอนน์ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังเข้าไปพัวพันกับแผนการอันตรายที่อาจเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล ขณะเดียวกัน แซม เมอร์ล็อตต์ (รับบทโดย Sam Trammell) ก็ต้องต่อสู้เพื่อปกป้องความลับเกี่ยวกับตัวตนของเขา ในขณะที่ภัยคุกคามจากอดีตค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาใกล้
True Blood Season 2 ยังคงความดิบเถื่อน ความรุนแรง และฉากที่เต็มไปด้วยความรัก ความลุ่มหลง และความสยองขวัญไว้ได้อย่างครบถ้วน พร้อมทั้งการสำรวจความซับซ้อนในความสัมพันธ์ของตัวละครและการเปิดเผยเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม ทำให้ซีซั่นนี้เป็นอีกหนึ่งภาคที่แฟน ๆ ไม่ควรพลาด